Work-Life Balance ไม่ใช่เรื่องใหม่ !?

แนวคิด Work-life Balance คือการที่เราต้องปรับสมดุล “ระหว่างงาน และชีวิตส่วนตัว” ก็เพื่อลดผลกระทบจากการทำงานหนักเกินไป โดยถ้าคุณทำได้ ก็จะสามารถสร้างความสุขให้กับชีวิต  ทำให้สุขภาพกาย และสุขภาพจิตดี ตามไปด้วยอีกทั้งยังส่งผลให้ครอบครัวมีความสุขร่วมกัน ในปี 2565 นี้เทรนด์สุขภาพและความสุขของครอบครัวเองก็ยังมาแรง จึงเป็นผลชี้วัดได้ว่า Work-Life Balance ก็ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ

ในช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากจะเกิดการเลิกจ้างงานเพราะการระบาดของโควิด-19 แต่ก็เกิดเหตุการณ์ “การลาออก” มากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะการมีโรคระบาดให้การทำงาน มีรูปแบบที่เปลี่ยนไป หากองค์กรไหนที่สามารถปรับตัวดูแลพนักงานได้ ก็จะผ่านไปได้ด้วยดี แต่องค์กรที่ไม่สามารถรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ก็ส่งผลให้พนักงานทำงานหนักมากขึ้น และคุณภาพชีวิตที่แย่ลง จึงเกิดการตัดสินใจลาออกมากขึ้น

ในทางกลับกัน หากเราพยายามที่จะค้นหา Work-Life Balance ในแบบที่เหมาะกับตัวเอง คือการบ่งบอกถึงตัวเราเองว่าเราเป็นใคร ชอบ และถนัดอะไร อาจจะช่วยให้เราอยู่กับองค์กรที่ตรงกับความต้องการของเรา

การเริ่มต้นค้นหา

จากงานวิจัยของ Ioana Lupu จาก ESSEC Business School สถานศึกษาด้านธุรกิจระดับโลกจากฝรั่งเศส และ Mayra-Ruiz Castro จาก University of Roehampton นักวิจัยทั้งสองสรุปเส้นทางออกมาเป็น 5 ขั้นตอน ที่พอจะเป็นการเริ่มต้นในการค้นหาแล้วสร้าง Work-Life Balanceให้กับตัวคุณดังนี้

  1. เริ่มตั้งคำถาม ต่อความเชื่อที่ว่าต้องทำงานหนักจะได้เป็นมืออาชีพ
  2. หาสาเหตุของความไม่สมดุลของชีวิต โดยอาจโฟกัสว่าอะไรทำให้เกิดอารมณ์เชิงลบ เช่น โกรธ เศร้า
  3. จัดลำดับความสำคัญใหม่ เช่น ลองพิจารณาว่าการทำงานหนักเพื่อให้ดูเป็นมืออาชีพกับการมีเวลาเพื่อคนรอบข้างสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน แล้วสำคัญมากกว่าแค่ไหน จะได้วางแผนต่อไปได้ถูก
  4. พิจารณาหาทางเลือกใหม่ เช่น ปรับรายละเอียดบางอย่างของงานให้สอดคล้องเป้าหมายใหม่ที่มาจากการจัดลำดับความสำคัญใหม่
  5. ลองใช้ปรับใช้แผนดังกล่าว เช่น ปรึกษาหัวหน้าว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดงานบางอย่างได้ หรือเลิกเข้าร่วมทุกๆ โปรเจกต์โดยไม่พิจารณาก่อน เป็นต้น

แน่นอนว่าแต่ละคนย่อมมีเงื่อนไขของชีวิต ความต้องการ ความคิด และปัจจัยอื่นๆ ที่แตกต่างกันออกไป และยิ่งกว่านั้น คนๆ เดียวกัน ก็มีเงื่อนไขที่ต่างกันไปในแต่ละช่วงของชีวิต ดังนั้น จึงไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวสำหรับการสร้าง Work-Life Balance มีแต่สูตรที่ต้องปรับปรุงตลอดเวลาและค้นหาอยู่เสมอเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เราเห็นแล้วว่าการสร้าง Work-Life Balance เราจะต้องจัดการกับงานของเราด้วย การสร้างสมดุลของชีวิตจึงไม่ได้เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคลอย่างเดียว เพราะการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการทำงานเราต้องตกลงบริษัท การสร้าง Work-Life Balance ในแง่หนึ่งจึงเป็นภาระหน้าที่ของบริษัทเช่นกัน

การ มี Work-Life Balance ที่ดีควรสนับสนุนสิ่งเหล่านี้

  • ช่วยให้มีความสุขกับชีวิตมากขึ้นเนื่องจากการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องอาจสร้างผลกระทบในหลายๆ ด้าน
  • สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น
  • มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่มีคุณภาพมากขึ้น
ลองสร้าง

หลายครั้งที่เราพยายามจัดการให้เรามีชีวิตและการทำงาน อย่างสมดุลเราจะพบว่ามันไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดไว้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังพอมีวิธีเริ่มต้นอย่างง่ายๆในการที่จะลองสร้างความสมดุลนั้น โดย อ. นพ.ชาวิท ตันวีระชัยสกุล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย แนะนำวิธีสร้าง Work-Life Balance ที่ดีต่อสุขภาพเอาไว้ ดังนี้

วิธีการสร้าง Work-Life Balance

  1. ทำตั้งเป้าหมายการกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันควรตั้งเป้าหมายและจัดรายการลำดับการทำงานในแต่ละวันเพื่อการจัดการเวลาได้ดีขึ้น
  2. เคารพเวลาพักผ่อนของตนเองเมื่อถึงเวลาพักผ่อนควรหยุดคิดถึงเรื่องงาน ไม่นำงานกลับมาทำที่บ้านปิดโทรศัพท์มือถือ ใช้เวลาพักผ่อนเพื่อเป็นรางวัลให้กับความอดทนและตั้งใจของตนเองในแต่ละวัน
  3. เรียนรู้ที่จะปฏิเสธและต่อรองการขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานเพื่อแบ่งเบาภาระงานเพื่อช่วยให้จดจ่อกับงานและผลิตงานที่มีคุณภาพได้มากขึ้น
  4. ใช้เวลากับคนรอบตัวให้มากขึ้นการแบ่งเวลาให้กับคนรอบตัวหรือคนในครอบครัวจะส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ และช่วยบรรเทาความเครียดหรือความทุกข์ภายในจิตใจ จึงไม่ควรละเลยคนรอบตัวที่ควรให้ความสำคัญ
  5. ใส่ใจกับตนเองมากขึ้นควรแบ่งเวลาเพื่อดูแลสุขภาพตนเอง เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อผ่อนคลายความเครียด จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงพร้อมสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิต
ข้อคิดสำคัญ เวลาใน 1 วันของเราทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่การดำรงชีวิต และจัดสรรเวลาการทำงาน และชีวิตส่วนตัว ไม่เท่ากัน บางคน ก็ทุ่มเวลาให้กับการทำงานไปแล้วเกิน 12 ชั่วโมง แต่บางคน สามารถทำงานเพียงแค่ 8 ชั่วโมง หรืออาจจะน้อยกว่านั้น แล้วเอาเวลาที่เหลือไปดูแลครอบครัว ให้เวลากับตัวเอง ซึ่งนั้นอาจเป็นเพราะบุคคลนั้นสามารถ “Work-Life Balance”  ชีวิตตัวเองได้อย่าสมดุล
“นี่คือคำแนะนำในเบื้องต้นของการสร้าง Work-Life Balance แต่สุดท้ายแล้วเราอาจจะต้องลองใช้ชีวิตการทำงาน เพื่อหาสมดุลที่เหมาะสมของชีวิต ว่าความสุขแบบไหน นั้นคือตัวตนที่แท้จริงของเรา เลือกองค์กรที่ตอบโจทย์ความสุขนั้น แล้วเราถึงจะค้นพบ Work-Life Balance ในแบบที่สร้างความสุขให้กับเราจริงๆ”

ที่มา ข้อมูล อ. นพ.ชาวิท ตันวีระชัยสกุล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

https://www.pptvhd36.com/

https://brandinside.asia/

รูปภาพ

https://www.pexels.com/